221 จำนวนผู้เข้าชม |
สีทาบ้าน แต่ละประเภทต่างกันอย่างไรนะ ?
สีทาบ้าน ไอเท็มที่หลาย ๆ คนต้องการเมื่อรีโนเวทบ้าน เพราะการทาสีผนังห้องด้วยสีเฉดต่าง ๆ จะสร้างบรรยากาศให้กับบ้าน ซึ่งรู้ไหมว่าแท้จริงแล้ว สีทาบ้านสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทนอกจากสีทาภายในและภายนอก โดยแต่ละประเภทก็เหมาะกับการใช้งานและการดูแลที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ก่อนที่เริ่มทำการทาสีบ้านเราก็ควรที่จะศึกษาประเภทของสีทาบ้าน และวิธีการเลือกซื้อสีทาบ้าน ให้เหมาะกับห้องเพื่อความสวยงามและสีที่ติดทนนาน
ประเภทของ สีทาบ้าน
สีทาบ้านสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
สีน้ำอะคริลิกหรือสีน้ำพลาสติก
สีทาบ้านที่ได้รับความนิยมมาก มีส่วนประกอบของน้ำในการทำละลาย ซึ่งเป็นสีประเภทที่เหมาะสำหรับการทาบนพื้นปูน พื้นซีเมนต์ หรือพื้นคอนกรีต สีทาบ้านประเภทนี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
สีภายนอก มีราคาที่มากกว่าสีทาภายใน เป็น สีทาบ้าน ที่ใช้ในการทาสีภายนอกบ้าน มีส่วนประกอบของอะคริลิก และสารอื่น ๆ ที่ช่วยป้องกันความร้อน ฝน และสิ่งสกปรกอื่น จากสภาพอากาศภายนอกได้ และถ้าหากเลือกสีทาบ้านประเภทนี้ไม่ดีพอก็อาจทำให้เกิดการหลุดลอกของสีได้ ซึ่งสีภายนอกสามารถใช้ได้ทั้งภายนอกและภายในเลยทีเดียว
สีทาภายใน โดยปกติแล้ว สีทาภายในเป็นสีทาบ้านที่มีส่วนผสมของเนื้อสีแทบจะ 100% โดยไม่มีสารอื่น ๆ ยกเว้นเสียว่าจะมีการเพิ่มสารที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น สารที่ช่วยให้ทำความสะอาดง่าย หรือสารที่ทำให้สีทาบ้านมีความแวววาวมากขึ้น โดยสีทาบ้านประเภทสีทาภายในนั้น ผลิตขึ้นเพื่อการทาภายในอาคาร ทำให้ถ้าหากนำสีเหล่านี้ไปทาภายนอกบ้าน สีอาจเกิดการหลุดลอกหรือซีดจางได้ ซึ่งข้อดีของสีทาภายในคือมีสารเคมีและกลิ่นที่น้อยกว่าสีทาภายนอก
สีย้อมไม้
สีทาบ้านที่ใช้ทาเฟอร์นิเจอร์ไม้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สีรองพื้นและสีทาไม้จริง ซึ่งสีย้อมไม้เป็น สีทาบ้านที่นอกจากจะเพิ่มความสวยงามแล้ว ยังช่วยในการรักษาเนื้อไม้ให้มีสภาพดีอีกด้วย นอกจากนี้อาจใช้แชร็ค แลคเกอร์ หรือยูรีเทน ซึ่งเป็นสีย้อมไม้เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับไม้ต่าง ๆ
สีน้ำมัน
สีทาบ้านที่มีความเงาสวยจากส่วนผสมของน้ำมันหรือทินเนอร์ซึ่งเป็นตัวทำละลาย มักจะใช้ทาบนไม้หรือเหล็ก แต่สามารถทาบนพื้นคอนกรีตหรือปูนได้เช่นกัน และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้สีน้ำมันเป็นสีทาบ้านที่ทำความสะอาดได้ง่าย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงและแห้งช้า
สีหลังคา
หรือที่นิยมเรียกว่าสีทากระเบื้องหลังคา ซึ่งสีทาบ้านประเภทนี้เป็นสีอะคริลิกพอลิเมอร์ ที่ผสมกับสารสะท้อนรังสียูวี หรือสารที่ป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้าน แต่ก็มีข้อเสียคือสีทาบ้านประเภทนี้จะทำให้สีหลังคามีความซีดจางลง หรือหากต้องการป้องกันความร้อนเราก็สามารถใช้ฉนวนกันความร้อนได้เช่นกัน
สีรองพื้นปูน
สีทาบ้านที่ช่วยลดความเป็นกรดของพื้นคอนกรีต ปูน ก่อนลงสีอื่น ๆ ทับลงไป นอกจากนี้การใช้สีทาบ้านประเภทนี้ยังเป็นการเพิ่มความเหนียวแน่นของสีในการยึดกับผนังให้แน่นขึ้น แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สีรองพื้นปูนใหม่ และสีรองพื้นปูนเก่า
สีกันสนิม
เป็นสีทาบ้านที่ใช้วัสดุที่เป็นเหล็กเพื่อกันสนิมก่อนทาสีน้ำมันทับลงไป เป็นสีทาบ้านที่มีคุณสมบัติให้สีเคลือบติดกับวัสดุแน่นยิ่งขึ้น กันสนิม หรือยืดเวลาการเกิดสนิมได้ ซึ่งสีทาบ้านประเภทนี้สามารถแบ่งเป็นสีรองพื้นกันสนิมเหล็กทั่วไป และ สีรองพื้นกันสนิมเหล็กอุตสาหกรรม
สีกัลวาไนซ์
สีทาบ้านที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีคุณสมบัติในการป้องกันการกัดกร่อนและเพิ่มความทนทานให้กับเหล็ก สามารถแห้งได้ภายใน 1-2 ชม. ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เองที่สีกัลวาไนซ์เป็นสีทาบ้านที่มีความประหยัดคุ้มค่ามากกว่าสีน้ำมัน รวมถึงยังสามารถยึดเกาะวัสดุได้มากกว่าอีกด้วย
คัลเลอร์ซีเมนต์
นวัตกรรมการผสมสีทาบ้านกับเนื้อซีเมนต์ มีคุณสมบัติในการยึดเกาะผิวซีเมนต์ได้ดี ทำให้มีความทนทานมาก ช่วยปกปิดรอยแตกขนาดเล็ก ไม่มีปัญหาการหลุด ปลอดภัยกับธรรมชาติ และสามารถทาสีด้วยวิธีต่าง ๆ ที่แตกต่างกันได้โดยที่ไม่ต้องรองพื้นก่อน
การเลือก สีทาบ้าน
การทาสีบ้านที่ดีควรจะเลือกสีทาบ้านที่เหมาะสมและใส่ในรายละเอียดต่าง ๆ ในการเลือกเพื่อความคงทนของสีและพื้นผิวบ้านของเราโดยเฉพาะการเลือกเกรดสีที่มีคุณภาพดีหรือคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
พื้นผิวของวัสดุที่ต้องการจะทา และประเภทสีทาบ้านมีผลต่อความสามารถในการยึดเกาะพื้นผิว ดังนั้น การเลือกสีที่เหมาะสมกับพื้นผิวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
พื้นที่ที่ต้องการทา อยู่ที่บริเวณใด ถ้าหากว่าเป็นบริเวณภายนอกอาหาร การทาสีทาภายในอาจทำให้สีหลุดลอกได้ง่าย รวมถึงการทาสีภายในบ้านด้วยสีทาภายนอกอาจส่งผลต่อสุขภาพของคนที่อาศัยอยู่ในบ้านได้เช่นกัน
เฉดสีที่ต้องการ สามารถเลือกเฉดสีที่ต้องการทาโดยอาจอ้างอิงจาก สีมงคล จิตวิทยา หรือตามความชอบส่วนตัวของตนเอง
เกรดของ สีทาบ้าน ที่เราควรรู้
เกรดสีของสีทาบ้านสามารถแบ่งเป็น 4 เกรด ได้แก่ A, B, C และ D ซึ่งแต่ละเกรดก็มีคุณสมบัติที่ความแตกต่างกันดังนี้
เกรด A (เกรด Premium) มีส่วนผสมของอะคริลิก 100% ถือเป็นสีทาบ้านที่มีคุณภาพสูง มีอายุการใช้งานยาวถึง 5-10 ปี นำเข้าจากฝั่งทวีปยุโรป
เกรด B (เกรด Medium) มีส่วนผสมของอะคริลิก 100% เป็นสีทาบ้านที่มีคุณภาพกลาง มีอายุการใช้งานยาว 3-5 ปี นำเข้าจากฝั่งทวีปเอเชีย
เกรด (C เกรด Econom) มีส่วนผสมของอะคริลิก 70% เป็นสีทาบ้านที่มีคุณภาพพอใช้ มีอายุการใช้งานยาว 1-3 ปี
เกรด D เป็นสีทาบ้านที่มีคุณภาพต่ำที่สุด เพราะมีสารอื่น ๆ นอกเหนือจากอะคริลิกถึง 30% และจะน้อยลงตามราคาของสีนั้น ๆ
ขั้นตอนการทาสีบ้านให้เรียบเนียนสวยงาม
ใครว่าการทาสีบ้านเป็นเรื่องยาก วันนี้เรามาแนะนำวิธีการทาสีบ้านง่าย ๆ ให้บ้านของเรามีสีสันสวยงามคงทนเหมือนมืออาชีพ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ !
เช็กสภาพและเตรียมพื้นผิว
การเช็กสภาพพื้นผิวบ้านก่อนทาสีบ้าน เป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะพื้นผิวที่แตกต่างกันจำเป็นจะต้องใช้สีทาบ้านที่ต่างกัน โดยสามารถแบ่งพื้นผิวเป็น 2 ชนิด ดังนี้
พื้นผิวปูนเก่า มีสิ่งสกปรกจากฝุ่นหรือคราบไขมันจึงต้องลอกสีเดิมออกให้หมดก่อนและทำความสะอาดให้เรียบร้อย ทิ้งไว้ 1 วัน ก่อนทาสีใหม่
พื้นผิวปูนใหม่ ตรวจสอบสิ่งสกปรกจากฝุ่น และตัวพื้นผิวชนิดนี้ ปูนฉาบจะมีการคายความชื้นออกมาจึงต้องมีการทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 1 เดือน ก่อนการทาสีใหม่เพื่อป้องกันเชื้อราและคราบด่าง
เตรียมอุปกรณ์ทาสี
เลือกอุปกรณ์ทาสีบ้านให้มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับพื้นผิวนั้น ๆ ทั้งสีทาบ้าน แปรงทาสี เกรียง ลูกกลิ้ง และเทปกาวในการกั้นสีให้ไม่ออกนอกพื้นที่
ทาสีรองพื้น
การทาสีรองพื้นจะช่วยให้สีทาทับมีความเรียบเนียน ไม่หลุดลอก เกิดเชื้อรา หรือมีความซีดจางได้ ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สีรองพื้นปูนใหม่ และสีรองพื้นปูนเก่า
เริ่มทา สีทาบ้าน
โดยคำนึงถึงเฉดสี สูตรสีทาบ้านประเภทต่าง ๆ คุณสมบัติพิเศษ และอายุในการใช้งานของสีทาบ้าน โดยการใช้ลูกกลิ้ง แปรง หรือเกรียงในการทาสี
เก็บงานและตรวจความเรียบร้อย
ลอกเทปกาวที่กั้นพื้นที่สีทาบ้านออกมาหลังจากที่ทาสีเสร็จอย่างน้อย 1 วัน หลังจากนั้นจึงเก็บงานให้เรียบร้อยที่สุดเพื่อความสวยงาม
สรุปการใช้ สีทาบ้าน
เห็นได้ว่า สีทาบ้าน แต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน มีความเหมาะสมกับสภาพผิวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกสีทาบ้านให้ถูกประเภทและวิธีการดูแลที่ถูกต้องที่สุด
แหล่งที่มาข้อมูล : www.kaidee.com/blog/th/types-of-house-paint-and-how-to-choose/